ผลิตเองขายเอง นาเรามีเนื้อที่ 5 ไร่ ปีหนึ่งนาเราผลิตข้าวได้ไม่มากนัก เลี้ยงคนได้ไม่กี่ครอบครัวเท่านั้น เหลือจากกินก็พอแบ่งขายได้บ้าง เราต้องการขายสินค้าในระบบสมาชิก เพื่อให้ครอบครัวที่สั่งข้าวกับเรา มีข้าวกินตลอดทั้งปี เรามีของดีมีคุณภาพเราก็อยากนำเสนอ เรากินอย่างไร ท่านก็ได้กินอย่างนั้น ได้แบ่งปันสิ่งดีๆสู่กันมันสุขใจ กินข้าวอินทรีย์ ดูแลคนปลูก ดูแลคนกินและดูแลสิ่งแวดล้อม
เราจึงโฆษณาหาลูกค้าเอง จากชาวนาสู่ผู้บริโภคโดยตรง เป็นการเกื้อกูลกันทั้งสองฝ่าย ท่านก็ได้ของดี มีคุณภาพ มีความปลอดภัยกิน กินทุกมื้อ กินทุกวัน เราเองก็ได้จำหน่ายข้าวในราคาที่มีเหตุผล มีแรง มีพลัง ที่จะทำเกษตรอินทรีย์ต่อไป โดยท่านอาจสั่งซื้อเป็นครั้งคราว หรือจองซื้อแบบประจำตลอดปีตามความสะดวก เราก็จะเก็บสต็อกข้าวไว้สำหรับท่านตลอดทั้งปี
สีข้าวตามสั่ง ทันทีที่ท่านสั่งซื้อ เราจะนำข้าวเปลือกออกมาจากยุ้ง สีเป็นข้าวกล้องตามท่านสั่ง นำมาเข้าเครื่องกะเทาะเปลือก แล้วคัดแยก ฝัดเอาเอาข้าวลีบ เศษฟาง เปลือกข้าวที่ปะปนอยู่ออกจนสะอาดได้ข้าวกล้อง แล้วนำมาบรรจุลงในถุง ติดฉลาก พร้อมระบุวันที่ผลิตที่แน่นอน ข้าวทุกถุงต้องผ่านมือเราอย่างพิถีพิถัน มีที่มาที่ไปสามารถตรวจสอบได้ และเพื่อความมั่นใจว่า นาเราเพาะปลูกแบบอินทรีย์เป็นอย่างไร ท่านสามารถเยี่ยมชมนาของเราได้ตลอดทั้งปี
เนื่องจากเปลือกข้าว เป็นบรรจุภัณฑ์ธรรมชาติที่สามารถรักษาและคงคุณภาพข้าวไว้ได้ดีที่สุด ฉะนั้นข้าวกล้องจะเริ่มเสื่อมคุณภาพทันที หลังจากวินาทีแรกที่โดนกะเทาะเปลือกออกไม่ว่าจะเก็บรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม บรรจุถุงสูญญากาศขนาด1กิโลกรัมและ5กิโลกรัม เพื่อป้องกันข้าวกล้องมีมอด กลิ่นอับ เหม็นหืน และเพื่อผลประโยชน์ที่คุ้มค่า ควรซื้อข้าวกล้องที่ผลิตสด ใหม่ จากแหล่งที่เชื่อถือได้ พร้อมระบุวันผลิตที่แน่นอน และสุดท้ายถ้าเป็นไปได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่มีสต๊อกข้าวกล้อง แต่เราจะเก็บสต๊อกไว้ในรูปข้าวเปลือก และสีข้าวตามสั่งเท่านั้น
เหมาะสำหรับ ผู้ที่รักและใส่ใจต่อสุขภาพทั่วไป ผู้สูงอายุที่ขาดวิตามินและเกลือแร่ ผู้ป่วยที่ต้องการบริโภคข้าวที่ไร้สารปนเปื้อน หรือเป็นของฝากแด่ผู้ที่เคารพนับถือในโอกาสต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
2.เครื่องดำนา ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพข้าว หากดำเนินการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ อาจทำให้โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลในอนาคตลดลง หรืออาจไม่จำเป็นต้องทำ เพราะเครื่องดำนาจะลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวจาก 25-30 กิโลกรัม (ก.ก.)/ไร่ เหลือเพียง 7 ก.ก./ไร่ ต้องใช้เมล็ดพันธุ์ทั้งหมด 1.2 ล้านตัน/ปี จะลดลงเหลือเพียง 280,000 ตัน/ปี หรือลดการใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งสิ้น 920,000 ตัน/ปี คิดเป็นเม็ดเงินทั้งสิ้น 6.16 ล้านบาท จากวิธีเดิมใช้เงินซื้อเมล็ดทั้งสิ้น 26 ล้านบาท/ปี
"เดิมโครงการส่งเสริมใช้เครื่องจักรกลแทนแรงงาน
อยู่ในแผนงบประมาณปี 2557 แต่ระหว่างขั้นตอนเสนองบประมาณถูกตัดงบทั้งหมด
แต่หลังจากนายกรัฐมนตรีมอบนโยบายลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร กระทรวงเกษตรฯ
จึงตัดสินใจนำโครงการนี้มาขับเคลื่อนในการปลูกข้าวต่อไป" นายยุคลกล่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น