หากนำมาหุงก็ไม่ยาก สามารถปรับปริมาณการใส่น้ำได้ตามความชอบว่าจะรับประทานแบบใด หรือจะทำเป็นข้าวต้มก็ได้ สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี ต้านทานโรคไหม้ดีมาก อีกทั้งทนทานต่อสภาพธาตุเหล็กเป็นพิษในดินได้อีกด้วย
จากการศึกษาพบว่า ข้าวยิ่งมีสีม่วงเข้มมากประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระจะยิ่งมีมากขึ้นโดย มีค่าอยู่ระหว่าง 35.3-214.7 umole/g จากการศึกษาด้วยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity)โดยเฉพาะในรำข้าวเจ้าหอมนิลและรำข้าวไรซ์ เบอร์รี่ มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระสูงถึง 229-304.7 umole/g และเมื่อนำข้าวสายพันธุ์ต่าง ๆ มาเปรียบเทียบกับน้ำผลไม้พร้อมดื่มหรือน้ำชาเขียว พบว่า มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเกือบ 100 เท่า
สำหรับกระบวนการหุงต้มข้าวที่มีสีม่วงเข้มด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า พบว่า มีผลทำให้ประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระลดลงประมาณร้อยละ 50 หรือลดประสิทธิภาพลงประมาณครึ่งหนึ่งของข้าวดิบ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาแล้วข้าวสีม่วงก็ยังมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพสูงกว่าน้ำผลไม้ พร้อมดื่มหรือน้ำดื่มชาเขียวที่ขายตามท้องตลาด โดยข้าวยิ่งสีเมล็ดมีความเข้มเท่าไรยิ่งทำให้มีผลในการต้านอนุมูลอิสระได้ สูงขึ้นเท่านั้น
จากงานวิจัยดังกล่าวพบว่า ข้าวพันธุ์ไรซ์เบอร์รี่ เมื่อหุงสุกแล้ว ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระเหลืออยู่ ไม่ได้ถูกความร้อนทำลายหมด จึงเป็นแหล่งอาหารที่ให้สารต้านอนุมูลอิสระสูง การที่ร่างกายได้รับสารต้านอนุมูลอิสระพอเพียงต่อความต้องการในแต่ละวัน จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด และโรคมะเร็งได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณสมบัติด้านโภชนาการของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่ผู้บริโภคได้รับ คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงในเมล็ดข้าว ได้แก่ เบต้าแคโรทีน,แกมมาโอไรซานอล, วิตามินอี, แทนนิน, สังกะสี, โฟเลตสูง, มีดัชนีน้ำตาลต่ำ-ปานกลาง ในส่วนของรำข้าวและน้ำมันรำข้าว ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ดีเหมาะสำหรับใช้ทำผลิต ภัณฑ์อาหารเชิงบำบัดอีกด้วย
หญิงมีครรภ์เมื่อบริโภคจะได้ประ โยชน์ โดยเฉพาะบุตรในครรภ์ซึ่งจะเป็นอนาคตของชาติ เนื่องจาก ข้าวชนิดนี้มีสารโฟเลตสามารถป้องกันโรคปากแหว่งเพดานโหว่ ซึ่งทำให้บุตรเสียอนาคตได้ รวมทั้งมีน้ำตาลต่ำ จะช่วยให้มารดาควบคุมน้ำหนักเพื่อไม่เกิดครรภ์เป็นพิษ และมีธาตุเหล็กสูงซึ่งหญิงมีครรภ์ต้องการมากกว่าคนปกติ
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานและคนเป็นโรคอ้วน ถ้าปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจะมีโรคแทรกได้ง่าย สูญเสียโอกาสต่าง ๆ และชีวิตจะสั้นขึ้น แต่ด้วยคุณสมบัติของข้าวไรซ์เบอร์รี่ ที่มีน้ำตาลต่ำกว่าข้าวทั่วไป หากผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือโรคอ้วนเปลี่ยนจากการรับประทานข้าวทั่วไปมารับ ประทานข้าวไรซ์ เบอร์รี่ ก็จะช่วยในการควบคุมน้ำตาลและคุมน้ำหนักได้ ส่วนผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หากรับประทานข้าวไรซ์ เบอร์รี่ เป็นประจำก็จะได้สารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็กธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยในการบำรุงโลหิตและบำรุงร่างกาย
มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และกระทรวงพาณิชย์ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการปลูกและจำหน่ายข้าวไรซ์ เบอร์รี่ แบบเกษตรอินทรีย์ อีกทั้งยังมีการสีข้าวแบบข้าวกล้องจากโรงสีข้าวที่ได้รับการรับรองเกษตร อินทรีย์เป็นข้าวกล้อง ซึ่งเรียกข้าวนี้ว่าข้าวไรซ์ เบอร์รี่ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ขึ้น
โดยมีจำหน่ายบรรจุในถุงสุญญากาศชนิดย่อยสลายง่ายถุงละ 1 กิโลกรัม ราคาถุงละ 150 บาท แต่ ระหว่างวันนี้ถึงสิ้นเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนของผู้สูงอายุ จะจำหน่ายในราคาพิเศษเพียงกิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งเป็นราคาสมาชิก ผู้ที่สนใจสามารถช่วยสนับสนุนข้าวไรซ์ เบอร์รี่ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ได้ตามจุดจำหน่ายร้านผลพลอยพอเพียงเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ธ.ก.ส. สาขาอำเภอทุกจังหวัด ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา และที่บิ๊กซี สาขาราชดำริ
ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) นอกจากจะช่วยสร้างอนาคตให้กับชาวนาผู้ประสบเคราะห์กรรมจากอุทกภัยแล้วยัง เป็นข้าวแห่งอนาคตของผู้บริโภคที่มีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพหลายประการอีก ด้วย.
ทีมวาไรตี้
ที่มา : www.dailynews.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น